ประเภทกระจกใส

ชนิดและประเภทของกระจก
November 16, 2016
จัดห้องให้เข้ากับราศี
December 7, 2016

ประเภทกระจกใส

กระจก…ถึงจะเป็นแค่กระจก แต่คุณรู้หรือไม่ว่ากระจกสำหรับใช้เวลาสร้างบ้านนี่ก็มีแตกเป็นหลายประเภทเหมือนกันนะครับ โดยหลักๆแล้ว มักจะมีอยู่ 4 ประเภทที่นิยมใช้กัน แต่เดี๋ยวแอดมินจะค่อยๆทยอยเล่านะครับว่ามีอะไรบ้าง

แบบที่ 1 กระจกใส

เป็นกระจกที่เราจะเห็นกันค่อนข้างบ่อย ไล่ไปตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านจนถึงบ้านกระจกตามร้านค้าในห้าง แต่ในปัจจุบันนี้สำหรับอาคารบ้านเรือนที่กระจกต้องเป็นส่วนประกอบภายนอกอาคารมักจะไม่นิยมใช้เท่าไร เพราะกันความร้อนและกันแสงไม่ได้นั่นเอง ส่งผลให้ภายในอาคารได้รับความร้อนและแสงแบบฟูลพาวเวอร์ ยิ่งถ้าบ้านใช้พื้นไม้แล้วหล่ะก็ อาจจะทำให้สีไม้บริเวณที่โดนแดดประจำซีดได้เร็วกว่าจุดอื่นๆอีกนะครับ


ในทางกลับกัน กระจกประเภทนี้จะค่อนข้างนิยมใช้กันมากเลยหล่ะครับ ตามอาคารใหญ่ๆต่างๆ เช่น ร้านค้าภายในห้างสรรพสินค้า เป็นต้น แต่กระจกประเภทนี้ไม่นิยมใช้ที่เป็นกระจกเพียวๆไม่ได้ปรับปรุงเพิ่มเติมออพชั่น เพราะมีความอันตราย(เมื่อแตก)ค่อนข้างมากทีเดียว อาจจะส่งผลถึงแก่ชีวิตได้หากเป็นกระจกแผ่นใหญ่ๆ จึงมักจะนิยมใช้เป็นแบบกระจกใสเทมเปอร์หรือกระจกใสลามิเนตมากกว่า เพื่อความปลอดภัย แข็งแรง ถึก อึด ทน!!!


ดังนั้นแล้วหากคุณกำลังมองหากระจกไปทำเป็นพาทิชั่นภายในบ้านแล้วหล่ะก็ กระจกใสนับเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจครับ เพราะนอกจากความโปร่งแสงแล้วถ้าเราใช้เป็นเทมเปอร์หรือลามิเนต ก็จะยิ่งปลอดภัยและรักษาความสะอาดง่ายด้วยหล่ะครับผม

ประเภทที่ 2 กระจกเขียว(กระจกตัดแสง)

กระจกตัดแสงนี่ จริงๆแล้วกรรมวิธีการทำนั้นก็มาจากกระจกใสนั่นหล่ะครับ เพียงแต่ว่าในช่วงที่กำลังหลอม จะมีการเพิ่มออกไซด์ของโลหะเข้าไปผสมด้วย(ซึ่งแต่ละสีจะแตกต่างกันไปตามชนิดของโลหะและความเข้มข้น)จึงทำให้เมื่อเสร็จสมบูรณ์แล้วกระจกจึงมีสีเขียวฟรุ้งฟริ้งนั่นเองครับ(ตรงไหนห๊ะ?)

แต่ว่านอกจากจะตัดแสง(ประมาณ25%)ได้แล้ว ยังช่วยกันความร้อน(อุณหภูมิลดลงประมาณ51%)ที่จะเข้าสู่ตัวบ้านได้ด้วยนะครับ ว้าวมันดูเพอร์เฟ็กต์มาก กันแสงได้ยังกันความร้อนได้ด้วย แต่ช้าก่อนครับ!!! ทุกอย่างในโลกนี้ย่อมมีสองด้านเสมอ เหมือนขาวกับดำ หยินกับหยาง กระจกตัดแสงก็เช่นเดียวกันครับ ในต่างประเทศเค้าจะเรียกกระจกชนิดนี้ว่า Heat-Absorbing Glass หรือกระจกอมความร้อน เพราะความร้อนจากภายนอกนั้นจะสะสมไว้ตรงผิวกระจกนั่นเองครับก็เลยทำให้ความร้อนเข้ามาสู่ภายในน้อยลง ซึ่งตรงนี้หล่ะครับเป็นข้อเสีย ถ้าหากกระจกถูกบดบังบางส่วนจะทำให้ความร้อนที่อมไว้กระจายไปสู่กระจกได้ไม่เสมอทั่วแผ่น ทำให้เกิดความแตกต่างกันของอุณหภูมิเมื่อมากเข้ากระจกก็อาจจะระเบิดตู้มได้(นี่ก็เว่อร์ไป) อันที่จริงหมายถึงกระจกแตกหล่ะครับ ดังนั้นถ้าหากจะนำกระจกชนิดนั้นไปใช้กับงานภายนอกแล้วคงจะต้องคิดดีๆหน่อยนะครับผม แต่ในปัญหาก็ย่อมมีทางออกครับโดยการใช้เป็นกระจกเทมเปอร์หรือลามิเนตแทนที่จะเป็นกระจกแบบธรรมดานั่นเองครับ

หรือในบางครั้งช่างอาจจะแนะนำกระจกประเภทฮีทสเตร็งเท่น(รายละเอียดจะพูดในบทความอื่นต่อไป)มาแทน ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้แล้วหล่ะครับ หากไม่ใช่อาคารสูงอะไร เป็นเพียงบ้าน1-2ชั้นก็สามารถใช้กระจกเทมเปอร์หรือลามิเนตได้ครับไม่มีปัญหา ซึ่งเมื่อเวลาที่แตกก็จะปลอดภัยต่อเราๆท่านๆหน่อย

ดังนั้นจากข้อดีข้อเสียที่ว่ามานี้หากถามว่ากระจกประเภทนี้เหมาะกับงานแบบไหน ก็ตอบได้เลยครับว่าใช้ได้ทั้งงานภายในและภายนอก เพียงแต่อาจจะต้องเลือกลักษณะให้ถูกกับการใช้งานซักหน่อยเท่านั้นเองครับผม

ประเภทที่ 3 กระจกสีฟ้า

เป็นกระจกตัดแสงอีกประเภทนึงครับ แต่เจ้าตัวนี้จะมีประสิทธิภาพมากกว่าสีเขียวในระดับหนึ่งครับ(แต่จริงๆก็แอบเยอะอยู่นะ) กรรมวิธีผลิตก็เช่นเดียวกันกับของสีเขียวหล่ะครับที่แตกต่างกันคือชนิดของโลหะที่ใช้ ซึ่งสีฟ้านี่ก็เป็นสีที่นิยมอีกสีหนึ่งเช่นกัน เพราะสบายตา ดูเย็นๆ ที่สำคัญคือสวยกว่าสีเขียว!!!(นึกถึงงานกีฬาสีที่ต้องข่มกันยังไงก็ไม่รู้ 5555) ซึ่งพักหลังๆมานี่โครงการบ้านจัดสรรหลายๆโครงการก็เริ่มนำไปใช้กันบ้างแล้ว


กระจกสีฟ้านั้นมีประสิทธิภาพในการลดแสงที่เข้าสู่ตัวบ้านได้ถึง 42% และลดความร้อนลงไปถึง57% ถือว่ามีประสิทธิภาพที่ดีเลยทีเดียว เพราะแบบนี้หล่ะครับถึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยกระจกสีฟ้านั้นโดยทั่วไปทั้งการใช้งานและการผลิตก็เหมือนสีเขียวหล่ะครับ แต่อันนี้จะเน้นไปในส่วนของความสวยงามและประสิทธิภาพมากกว่า เหมาะกับการใช้งานภายนอกได้อย่างดี แต่อย่างที่เคยๆบอกไป ยังไงก็ควรใช้เป็นเทมเปอร์หรือลามิเนตน่ะครับ ทั้งนี้ให้ช่างเค้าลองแนะนำก็ได้ว่าแบบไหนเหมาะสมกว่า เพื่อความปลอดภัยนะคร้าบ

ประเภทที่ 4 กระจกสีชา

เป็นอีกสีหนึ่งที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันนะครับ ก็เพราะตัวประสิทธิภาพของเจ้ากระจกสีชานี่หล่ะครับ เพราะในบรรดากระจกสีทั้งหมดที่กล่าวมา ตัวนี้จะเป็นตัวที่ความร้อนผ่านได้น้อยที่สุดเลยครับ คือผ่านได้เพียง 34% เท่านั้นเอง แต่ข้อเสียอันเด่นชัดของกระจกสีชาคือบ้านมืดครับ!!! เพราะแสงจะผ่านได้แค่ 22%เท่านั้นเอง ทำถ้าปริมาณแสงชดเชยภายในตัวบ้านไม่เพียงพอ(แสงจากหลอดไป) จะทำให้บ้านมืดๆอึมครึมๆได้เลยหล่ะครับ ดังนั้นตัวนี้อาจจะไม่ได้เหมาะเท่าไรนักกับบ้านที่อยู่อาศัย แต่จะเหมาะกับอาคารสำนักงานต่างๆที่ไม่ต้องการให้ผู้คนภายนอกมองเข้ามาเห็นรายละเอียดภายในมากกว่า แต่อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลนะขอรับ

เอาหล่ะครับหวังว่าหลายท่านที่กำลังมองหาวัสดุประเภทกระจกอยู่คงจะได้ข้อมูลไปประกอบการตัดสินใจมากขึ้นนะครับ แต่!!!กระจกสีหาได้มีเพียงเท่านี้ไม่…เพราะจริงๆแล้วมีกระจกเฉดสีอื่นๆอีกนะครับ อย่างตอนนี้สีที่เริ่มเข้ามาใช้มากขึ้นก็คือสีเทาครับ ซึ่งจะมีอยู่ 2 เฉดที่นิยมใช้ ก็คือเฉดที่เรียกว่า ยูโรเกรย์(Eurogrey) โดยเฉดนี้ในเมื่องไทยก็เริ่มมีสต๊อกอยู่บ้างแล้ว เพียงแต่ความหนาอาจจะยังมีไม่ครบทุกสเกลเท่านั้นเอง ส่วนอีกเฉดที่นิยมคือ คริสตัลเกรย์(Crystalgrey) โดยเฉดนี้จะมีสีที่อ่อนกว่าเฉดแรก และยังมีสีชาดำ สีเขียวอีกหลายเฉด ซึ่งทั้งหมดก็อยุ่ที่ความชอบแล้วหล่ะครับว่าต้องการจะเลือกแบบไหน
งั้นฉบับนี้ลาไปก่อนนะครับ หากมีอะไรสงสัยเพิ่มเติมแล้วหล่ะก็สามารถเข้าไปถามในแฟนเพจ Whiteglass ได้เลยนะครับหรือโทรศัพท์โดยตรงเลยก็ได้ครับผม บ๊ายบาย